ข่าวดูแล้วใจสลาย หนุ่มมานั่งคาเฟ่แมว แต่เตะแมว อุ้มแมวไปทิ้งนอกร้าน

ข่าวดูแล้วใจสลาย หนุ่มมานั่งคาเฟ่แมว แต่เตะแมว อุ้มแมวไปทิ้งนอกร้าน

กลายเป็นประเด็นร้อนในสื่อสังคมออนไลน์ หลังจากที่เจ้าของ คาเฟ่แมว เผยภาพกล้องวงจรปิด ลูกค้าเตะแมวแถมอุ้มทิ้งนอกร้าน ถาม ไม่ชอบแมวมาคาเฟ่แมวทำไม? ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่่ง ได้โพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิดลงกลุ่ม ทาสแมว Official โดยผู้ใช้เฟซบุ๊คคนดังกล่าว เป็นเจ้าของคาเฟ่แมว และภาพจากกล้องวงจรปิดนั้นบันทึกภาพเหตุการณ์ที่ ลูกค้าชายหญิงคู่หนึ่ง เข้ามานั่งทานอาหารในร้าน โดยจะสังเกตเห็นว่า ลูกค้าผู้ชายไม่ชอบแมว และไม่ยอมให้แมวเข้ามาใกล้ 

แต่เนื่องจากทางร้านระบุชัดเจนว่าเป็น “คาเฟ่แมว” ทำให้มีแมวเลี้ยงไว้ในร้านหลายตัว และจะเดินไปเดินมาในร้านเป็นปกติ ปรากฎว่าลูกค้าชายพยายามไล่แมวออกไป ทั้งเอาสมุดเมนูกวาดแมวออกไปไกลๆ ไปจนถึงขั้นที่อุ้มแมวออกไปไว้นอกประตูร้าน บางช่วงของคลิปยังเห็นว่า เมื่อมีแมวมาเดินคลอเคลียใกล้ขา ลูกค้ารายนี้ยังเตะจนแมวกระเด็นอีกด้วย

เจ้าของเฟซเล่าว่า “ผิดไหมที่เราโกรธมากจนมือสั่น วันนี้ผมไม่ได้อยู่ร้าน และน้องที่ร้านโทรมาบอกให้ดูกล้องให้หน่อย พอดีที่ร้านเปิดเป็นคาเฟ่แมวและร้านไอศกรีม ก่อนเข้าร้านมีป้ายให้อ่านเกี่ยวกับกฏของร้านว่ามีแมว ในร้านก็ป้ายรอบทิศเกี่ยวกับแมว

แล้วดูสิ่งที่ลูกค้าคนนี้ทำครับ ร้านผมเลี้ยงระบบปิด เป็นประตูกระจก แมวที่ร้านจะไม่ออกข้างนอกอยู่แล้วเป็นนิสัย ถึงแม้เปิดประตูไว้ก็จะไม่เดินออก เนื่องจากวันนี้พ่อครัวอยู่ร้านคนเดียว ตอนที่กำลังทำ Order ไม่ได้ดูลูกค้าอยู่ตลอดเวลา อยู่ๆแมวตัวนี้ก็ออกไปอยู่ข้างนอก น้องเลยสงสัยว่าแมวออกไปข้างนอกได้อย่างไร

สิ่งที่เห็นคือผู้ชายคนนี้ เอาแมวผมออกไปวางข้างนอกโดยที่ไม่บอกกล่าวเจ้าของร้าน ทั้งที่ข้างนอกมีรถวิ่งผ่านตลอดเวลา มีสุนัขและเป็นชุมชนเมือง ถ้าแมวเดินไปที่อื่น คงหายแน่นอน แต่ดีที่น้องเดินวนเวียนไปหน้าร้าน 20 นาทีโดยไม่ไปไหน ก่อนที่ทางเราจะเห็นและไปนำแมวเข้ามาครับ

คุณไม่รักแมวคุณเข้ามาในร้านของเราทำไม ในเมื่อทุกโพสต์เพจร้าน และป้ายนอกร้านก็บอกอยู่ว่าในร้านมีแมว ถ้าไม่ชอบหรือมีน้องแมวกวน ให้บอกคนในร้านได้ เพราะมีคนอยู่ตลอด แล้วดูที่อิตานี่ทำครับ ผมไม่ได้โพสต์ประจาน แต่อยากให้รู้ไว้ว่าถ้าแมวผมหายไปผมจะเจ็บในใจลึกมากที่โดนคนใจร้ายทำแบบนี้”

วินทร์ แนะใช้สะพานลอยหลังเกิดเรื่อง หมอกระต่าย โซเชียลเสียงแตก ทุกคนมีสิทธิ์ใช้ถนน

วินทร์ เลียววาริณ ถอดบทเรียนกรณี หมอกระต่าย แนะเรียนรู้ใช้สะพาน โซเชียลเสียงแตกไม่ได้สะดวกสำหรับทุกคน

วินทร์ เลียววาริณ นักเขียนรางวัลซีไรต์ โพสต์ถอดบทเรียนกรณี “หมอกระต่าย” ถูกตำรวจควบคุมฝูงชนขี่บิ๊กไบค์ชนจนเสียชีวิตขณะกำลังข้ามทางม้าลาย โดยข้อความในโพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจวันนี้ (24 ม.ค.65) ของนักเขียนครดัง ระบุว่า ได้ยินข่าวแพทย์ถูกยานพาหนะชนบนทางม้าลายแล้วสะท้อนใจ เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นจริง ๆ แต่ก็ไม่ค่อยแปลกใจที่เกิดขึ้น เพราะหากเดินบนทางเท้าแท้ ๆ ก็ยังมีมอเตอร์ไซค์บีบแตรไล่หลัง อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้

ประเด็นน่าจะเป็นที่เราไม่ถือว่ากฎจราจรเป็นเรื่องที่ควรจริงจัง ผมเคยใช้ชีวิตหลายปีที่สิงคโปร์ คนใช้รถใช้ถนนถือเรื่องทางม้าลายเคร่งครัดมาก เพราะหากทำผิดกฎจราจร มีการหักคะแนนด้วย หักหมดเมื่อไร ก็ริบใบขับขี่

จริงจังขนาดหากขับรถตอนตีสี่ ยามทั้งเมืองหลับใหล ไม่มีใครสักคน แต่เห็นไฟแดงตรงทางม้าลาย ก็ต้องจอดรอจนไฟเป็นสีเขียว จึงข้ามทางม้าลายไปได้ ไปไหนมาไหน ยานพาหนะจะหยุดให้คนข้ามถนนที่ทางม้าลายก่อนเสมอ ในทำนองกลับกัน หากคนเดินข้ามทางม้าลายตอนที่มีไฟแดงห้ามข้าม ก็ต้องโทษเช่นกัน ตอนที่ผมอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ก ก็ค่อนข้างแปลกใจที่เห็นคนข้ามถนนโดยไม่สนใจไฟจราจร นึกว่าพวกฝรั่งมีวัฒนธรรมสูงจะไม่มักง่าย

สำหรับเหตุการณ์นี้ ก็ควรถือเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกคนจริงจังกับการเคารพกฎจราจรมากกว่านี้ เป็นเรื่องที่เราควรปลูกฝังไว้แน่นในจิตสำนึก ระหว่างนี้ก็ใช้ทางม้าลายอย่างระวัง มองซ้ายมองขวาแล้วมองซ้ายอีก และเรียนรู้การใช้สะพานลอยข้ามถนนด้วยเถอะ ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ไม่ว่าตายหรือพิการ ก็ไม่คุ้มทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม หลังโพสต์ดังกล่าวของ วินทร์ เลียววาริณ เผยแพ่ออกไป ประเด็นเรียนรู้การใช้สะพานลอย โลกโซเชียลก็มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยตัวอย่างบางคอมเมนต์ที่ไม่เห็นด้วยในการใช้สะพานลอย ให้เหตุผลว่าเพราะบางครั้ง สะพานลอยก็ไม่ได้สะดวกกับ ผู้พิการ หรือ คนสูงอายุ

“สะพานลอยข้ามถนนนั้นส่วนใหญ่สักแต่ว่าสร้างค่ะ สูง ชัน ชำรุด สกปรก น่ากลัวมาก ถ้าไม่ใช่อยู่ในแหล่งชุมชนใหญ่ ย่านเศรษฐกิจ ผู้สูงวัย คนพิการ ไม่สามารถขึ้นไปใช้ได้เลยค่ะ”

ขณะที่ความเห็นอื่นๆ บางคนก็ยกตัวอย่างของกฤหมายการใช้ท้องถนนใมนต่างประเทศมาเปรียบเทียบ ขณะที่บางคนก็ยังคงยืนยันว่า ทุกคนมีสิทธิใช้ถนนร่วมกัน